มีครอบครัวอยู่ 2 ครอบครับ
ครอบครัวที่ 1 มีฐานะยากจน พ่อแม่ทำงาน หาเช้ากินค่ำ มีลูกอยู่ 1 คน
ครอบครัวที่ 2 ก็มีฐานะยากจนไม่แพ้กัน และมีลูกอยู่ 1 คนเช่นกันครอบครัวที่ 1 ให้ลูกออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ป.6 ทำมาหากินตั้งแต่อายุ 15 โดยการขับมอเตอร์ไซด์วิน
ครอบครัวที่ 2 ก็มีฐานะยากจนไม่แพ้กัน และมีลูกอยู่ 1 คนเช่นกันครอบครัวที่ 1 ให้ลูกออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ป.6 ทำมาหากินตั้งแต่อายุ 15 โดยการขับมอเตอร์ไซด์วิน
ทำงานตั้งแต่ ตี 5- 1 ทุ่ม เกือบทุกวัน ได้รายได้ต่อวันก็ตกวันละ 200 - 300 บาท บางวันก็ดีหน่อยได้ 500 - 600 บาท
แต่ครอบครัวที่ 2 กลับให้ลูกเรียนหนังสือโดยหวังให้ลูกจบปริญญาตรี
อายุ 15 ก็ยังไม่มีรายได้อะไร นอกจากช่วยพ่อแม่ขายของ
ลูกชายครอบครัวแรกขับรถผ่านหน้าบ้านครอบครัวที่ 2 เป็นประจำพร้อมเยาะเย้ยว่าทำไมไม่ทำงานหาเงิน
ตอนนี้ ลูกชายของครอบครัวแรกโตเป็นผู้ใหญ่อายุ 22 ปี มีเงินรายได้จากการขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างด้วยความยากลำบากตั้งแต่อายุ 15 จนถึงปัจจุบัน เงินเก็บก็หลายหมื่นบาท ออกมาเช่าบ้านอยู่เอง มีโทรทัศน์ ทีวี ตู้เย็น พร้อม
ไม่นานลูกชายของครอบครัวที่พึ่งจบปริญญาก็สอบรับราชการได้ โชคดีที่รัฐบาลให้เงินเดือน 15,000 บาท ทำงาน 8.30 - 16.30 น. จันทร์ - ศุกร์ มีเวลาหางานอย่างอีกทำนอกจากได้เงินเดือนปกติ
ไม่นานนักก็กู้เงินสหกรณ์ เอาไปซื้อคอนโดได้
ตอนนี้ลูกชายของครอบครัวแรกอายุ 40 ปีแล้ว ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง มีเงินจากการทำงานตั้งแต่อายุ 15 อยู่ (12,000บาท x12เดือนx25ปี) ต้องทำทุกวันถึงจะได้เท่านี้ ยังไม่รวมรายจ่ายนะ
ไม่นานพ่อแม่ก็มาเจ็บป่วยไม่มีเงินรักษา จึงต้องใช้เงินที่สะสมมาในการรักษาตามมีตามเกิด
ลูกชายของครอบครัวที่ 2 ก็อายุ 40 ปี เหมือนกัน มีบ้าน มีรถ มีครอบครัวที่มีความสุข พ่อแม่เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ มีเงิน ณ ปัจจุบัน 30,000 บาท ต่อเดือน โดยที่ยังมีเวลาพาครอบครัวไปเที่ยวทุกสุดสัปดาห์
และยังมีแผนทำธุระกิจส่วนตัวอีก 2 - 3 อย่างในไม่ช้า
ลูกชายครอบครัวแรกซึ่งตอนอายุ 15 มีเงินได้ตอ่เดือนเป็นหมื่น และเคยหัวเราะเยาะครอบครัวที่ 2 กลับมามองดูตัวเองว่าและคิดว่า ถ้าวันนั้น...................? ซึ่งมันอาจจะสายไปเสียแล้ว
ลำบากก่อน สบายทีหลัง
หรือสบายก่อน ลำบากทีหลัง......เราเลือกเองได้
การศึกษาคือทางลัดของความสำเร็จ.....................................................................ครูปอ....แต่ง